วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วิธีใช้งาน และเพิ่ม EA ใน MT4

การเพิ่ม EA ให้ทำตามภาพประกอบเลยครับ

การทำกำไรจาก EA อาจจะไม่ได้กำไรเสมอไปนะครับทั้งนี้ทั้งนันก็ขึ้นอยู่กับการบริหารของเราเอง
รู้ช่วงเวลารู้จังหวะเปิดปิดถึงจะทำกำไรจาก EA ได้ครับ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex








วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วงจรชีวิตของค่าเงิน

  ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex

วงจรชีวิตของค่าเงิน EU

ขอประมาณการในเหตุการณ์ปกตินะครับ

01-06:00 น. ตลาดซึม ปริมาณการซื้อขายเบาบาง (ยกเว้นวันศุกร์ อาจมีปริมาณการซื้อขายเชิงวางแผน เพราะตลาดจะปิดทำการ เตรียมไว้สำหรับสัปดาห์หน้า) เฉลี่ย 10-50 point

06-08:00 น. ตลาดขาลง Sell ปริมาณการซื้อขายเล็กน้อยถึงปานกลาง เฉลี่ย 30-60 point

08-13:00 น. ตลาดซึม Buy-Sell สลับกันไป กินเล่นๆพอขำๆ เก็บเป็นทุนครับ แต่บางวันไม่แน่ได้เยอะครับ พักฐานและปรับฐานการลงทุนใหม่ ปริมาณการซื้อขายเบาบาง รูปแบบ side way (เทคนิค นักลงทุนบางท่าน ชอบเหตุการณ์ช่วงนี้ในบางวันมาก เพราะเข้ามาเก็บแต้มได้มาก และเก็บได้เรื่อยๆ ความเสี่ยงต่ำ ความผันผวนของตลาดน้อย) เฉลี่ยสลับครั้งละ 10-30 point เรื่อยๆ

13-16:00 น. ตลาดขาขึ้น Buy เปิดตลาด EU ครับ (08:00 น. เวลาต่างประเทศ) ปริมาณการซื้อขายปานกลางถึงมาก ขึ้นอยู่กับนักลงทุนในแต่ละวัน ข่าวสาร ข้อมูลต่างๆ จะตัดสินใจพักพอร์ต ลงทุนเล็กน้อย หรือทุ่มเท จับทิศทางฝรั่งนักลงทุนให้ดีน่ะครับ ดูปริมาณการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลาของวันประกอบด้วยน่ะครับ (ควบคุมการซื้อขายในพอร์ตของเราให้ดี ยังมีให้ลงทุนในรอบใหญ่ 19:00 น. ครับ) เฉลี่ย 50-150 point

16-19:00 น. ตลาดขาลง Sell และจะปรับฐานเตรียมพร้อมเมื่อใกล้เวลา 19:00 น. เฉลี่ย 30- 50 point

19-20:00 น. ตลาดขาขึ้น Buy เปิดตลาด USD ปริมาณการซื้อขายปานกลางถึงมาก ขึ้นอยู่กับนักลงทุนในแต่ละวัน ข่าวสาร ข้อมูลต่างๆ จะตัดสินใจพักพอร์ต ลงทุนเล็กน้อย หรือทุ่มเท จับทิศทางฝรั่งนักลงทุนให้ดีน่ะครับ ดูปริมาณการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลาของวันประกอบด้วยน่ะครับ (ควบคุมการซื้อขายในพอร์ตของเราให้ดี ยังมีให้ลงทุนย่อยต่อในแต่ละช่วงเวลาจากนี้ครับ) เฉลี่ย 50-200 point

20-21:00 น. ตลาดขาลง พักปรับฐาน Sell ปริมาณการซื้อขายเบาบางถึงปานกลาง ขึ้นกับปริมาณการซื้อขาย และน้ำหนักในการตัดสินใจลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญที่สุด ในช่วงเวลา 19:00 น. ที่ผ่านมา อย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ย 20- 30 point

21-23:00 น. ตลาดขาขึ้น หลังจากพักและปรับฐานแล้ว Buy ปริมาณการซื้อขายปานกลาง ขึ้นกับปริมาณการซื้อขาย และน้ำหนักในการตัดสินใจลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญที่สุด ในช่วงเวลา 19:00 น. ที่ผ่านมา อย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ย 30- 50 point

23-01:00 น. ตลาดขาลง พักและปรับฐาน Sell ปริมาณการซื้อขายเบาบางถึงปานกลางขึ้นกับปริมาณการซื้อขาย และน้ำหนักในการตัดสินใจลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญที่สุด ในช่วงเวลา 19:00 น. ที่ผ่านมา อย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ย 20- 30 point

ลองนำไปปรับใช้กันดูน่ะครับ ไปต่อยอดกันให้เป็นประโยชน์กับตัวคุณเองและสังคมความรู้ของพวกเราน่ะครับ

เทคนิคการอ่านกราฟเบื้องต้น

 

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex

เทคนิคการอ่านกราฟเบื้องต้น

ภาพกราฟ FOREX คู่เงิน EUR/USD หรือ EU

การเล่นหุ้นในตลาด FOREX สามารถทำได้ ทั้งขาขึ้นและขาลง เช่น เมื่อคุณทำการ Sell ที่ราคา 1.2958 แล้วทำกำไร โดยปิดการซื้อ/ขาย ที่ราคา 1.2410(TP) คุณก็จะได้กำไรจำนวน 548 Pips

ถือว่าเยอะมากเลยนะครับ สมมุติเล่น Pips ละ $10 คุณจะได้กำไรเป็นเงินจำนวนเงิน $5,480 ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 164,400 บาท สำหรับนักลงทุนรุ่นพี่ที่เป็นมืออาชีพบางคนอาจเทรดจุดละ $100 ลองคิดมูลค่าดูซิครับ ได้เป็นหลักล้านเลยครับ

การวิเคราะห์กราฟเบื้องต้น

มองแนวโน้มให้ออก หลักการมองแนวโน้ม เริ่มจากการมองเทรนให้ออกก่อนเสมอ เทรนในตลาดจะมีแค่ 3 แบบ

1. Up Trend แบบขาขึ้น จะวิ่งขึ้นอย่างเดียว (เหมาะกับการเข้าเทรด)
2. Down Trend แบบขาลงจะวิ่งลงอย่างเดียว (เหมาะกับการเข้าเทรด)
3. Sideway Trend แบบขนานเคลื่อนตัวไปทางด้านข้าง ขึ้นๆ ลงๆ (ไม่เหมาะกับการเข้าเทรด)

Sideway แยกออกได้เป็น 2 แบบคือ...
1. Sideway ในช่วง (พักตัว) เทรนขาขึ้น
2. Sideway ในช่วง(พักตัว) เทรนขาลง

ตัวอย่างรูปแบบเทรนต่างๆ

แนวรับ Support บอกถึงการที่ราคาลงมาที่แนวรับนั่นๆแล้วแนวรับนั่นรับอยู่เลยดีดกลับขึ้นไปต่อ
แนวต้าน Resistance บอกถึงการที่ราคาวิ่งขึ้นไปชนแนวต้านนั่นๆแล้วแนวต้านนั่นต้านอยู่เลย ดีดกลับลงไปต่อ เรียกกันง่ายๆ แนวรับเพื่อไม่ให้ลงต่อ แนวต้านเพื่อไม่ให้ขึ้นไปต่อ แนวรับ แนวต้าน สามารถบอกถึงเป้าหมายในอนาคตได้ คือ อดีตเคยขึ้นไปเป็นแนวต้านตรงไหน อนาคตก็จะขึ้นไปที่แนวต้านเดิมที่เคยขึ้น เช่นเดียวกัน อดีตเคยลงไปตรงไหนเป็นแนวรับ อนาคตก็จะลงไปที่แนวรับเดิมที่เคยลงไปถึง เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นรอบๆของการขึ้น ลง อดีตเคยเป็นยังไงอนาคตกราฟก็จะวิ่งไปที่เดิมที่เคยขึ้นและลงเสมอๆ double top เกิดจากการที่ แนวต้าน(อดีต)และแนวต้านปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดตัวกลับลงแรงๆ เสมอ คล้ายๆกับตัว M บางครั้งจะเป็นตัว M หางยาว double bottom เกิดจากการที่ แนวรับ(อดีต)และแนวรับปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดตัวกลับขึ้นแรงๆ เสมอๆ คล้ายๆ กับตัว W บางครั้งจะเป็นตัว W หางยาว

แนวรับ - แนวต้าน 1

แนวรับ - แนวต้าน 2
แนวรับ - แนวต้าน 3

ขอบคุณข้อมูลโดย คุณ the_greenday ด้วยความนับถืออย่างสูง

เราจะเริ่มทำเงินในตลาด.Forex ได้อย่างไร

เราจะเริ่มทำเงินในตลาด.Forex ได้อย่างไร

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex



ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้นเราดูกันที่คู่เงิน ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโร กับเงินดอลลาห์ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย อย่างเช่น EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502
 Broker จะได้รับอะไร Broker จะได้รับเงินส่วนของจากการเข้าซื้อของเราในแต่ละครั้ง หรือเรารู้กันคือค่าของ bid-offer ดังนั้น เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่เราเปิด Order บัญชีจะเป็นค่าติดลบก่อนเสมอ ซึ่งค่าของ  bid-offer ดังนั้นค่าจะต่างกันมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับ จำนวน lot ที่เราเข้าซื้อและ ส่วนของแต่ละคู่เงินจะไม่เท่ากัน ตัวอย่าง เช่นที่ Broker  Maketiva คู่เงินของ EUR/USD ค่าของ bid – offer จะต่างกัน 2 หรืออย่าง GBP/JPY ต่างกัน 7  แต่อีก Broker ของ  FxOpen แบบ micro จะมากกว่า Marketiva อยู่ +1 แต่ standard นั้นจะเท่ากัน เช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD อยู่ที่ 1.3502 (ที่ราคา offer) ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ 1.3500 (ที่ราคา bid) เท่ากับเราขาดทุน 0.0002 หรือ 2 จุด (หรือ pip) 
ถ้าเราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer. และ เมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid – การ buy คือการที่เราซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติครับ – ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง
ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย
หากเราจะสังเกตว่า Forex นั้นมีความแตกต่างจากหุ้นอยู่ อีกจุดหนึ่งคือ เมื่อเราเล่นหุ้นนั้น เราจะเข้าซื้อต่อเมื่อราคาของหุ้นตัวนั้นย่อตัวลง หรือราคาลดลอง เราช้อนซื้อไว้ เพื่อทำกำไรในอนาคต แต่ Forex มีความต่างกันตรงที่ ไม่ว่าคู่เงินตัวนั้นจะอยู่ในขาขึ้นหรือลงเราสามารถทำกำไรได้ทั้ง 2 ทาง
เมื่อเราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer – การ Sell คือการที่เราสั่ง Brokerให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ – ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน
สมมุติว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD.ได้ มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าCommission ของ Broker ครับ) เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD  น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่ง Cent หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 โอ้ว… มากมายเสียจริงครับ $10,000

————————————————————————————
Test Google Translation
How to start making money in Forex market. 
The Forex market is different from stock, we look at a pair of money. For example, EUR / USD is the comparison between the euro. With his silver dollar. The money left is called thebase currency, we often see the purchase price - for example EUR / USD bid = 1.3500 offer = 1.3502.
Broker to Broker will be paid from the acquisition of our time. We know the value of thebid-offer, so we will see that every time we open the Order Book is a negative valuealways has the value of the bid-offer, so the value will be different because it depends on alot to us. and. The amount of each pair are not equal, for example, the Broker Maketivadouble the amount of EUR / USD the value of the bid – offer the same two or GBP / JPY 7, but the difference between a micro FxOpen Broker of more than Marketiva at +1. thestandard is the same as at the time of our Buy a pair EUR / USD at 1.3502 (price offer), ifwe turn off (close) immediately, we will sell back to 1.3500 (at the price bid) as we lost0.0002 or 2. point (or pip).
If we order (called Buy or Long) when we open the order (the order BUY) we get that offer.And when we shut down order, we will be the price bid - to buy what we buy. I hold it. Theforward exchange rate to rise and we will order, by sell (in the order close order is a sellauto on - no, we order sell another) to the higher price (if you sell back at a low price. more than just income) that were sold to buy more expensive.
Another advantage of the Forex market is that we can trade down with.
If we note that Forex is different from the shares. Another point is. When we play the stock.We will buy when the price of the stock to fall. Or reduced price meals to try. We bought a spoon. To profitability in the future, but Forex is different in that. Regardless of the currency pairs that are up or down, we can make a profit in two ways.
When we sell (known as Sell or Short) when we open the order (the order SELL), we willbid prices down, and when we order, we can price the offer - is that we have a Sell order.Broker to sell out first. Waiting for the exchange rate falls, and we will close the order, byBuy back (to the close order is a buy auto it - no, we order buy another) to the lower price(if the Buy back prices higher. we had a loss) is called for, then buy it cheap, but we will see that the decimal point or a pip 4 (or No. 2 position in doubles), we take a look at EUR / USD well.
Suppose we consider, we see that the EUR appreciation against USD (the exchangeEUR to USD. Even more. Over time), we get to where we can buy at 1.3502 (rememberthat we are going to offer a price that was bid as compared to the value -2 is returned tothe Broker’s Commission on). As time goes by. The price go up to 1.3552 or up to 50points, and then we see that there may be no farther. So close to make a profit at this point, we will gain a 50 point or 50 pips or 0.0050 units of base currency, which in this case is 0.0050 USD is very little for me 0.0050 USD = Half Cent, or about 17 cent onlymeans that if we do. I do not like pip profit per $ 1 (50 pip is $ 50), we have to trade up to $ 10,000 … and I actually lost my $ 10,000.

Forex earnings: how much can a trader gain?

Forex traders deal to make money. We’re often asked exactly how much you can make. Here is our considered answer.

Forex can be profitable

Many forex traders make good profits, but the results vary:
  • Some say that doubling your money in a short time is achievable
  • Some are satisfied with 5% to 10% returns
  • Others keep on losing money – these traders don’t stay in the market for long
The amount of money you make in the forex market depends on your skills, dedication and attention to detail. To be a successful trader, you need to do the following:
  • Learn everything you can about how the market works
  • Develop a strategy that gives consistent results
  • Pay attention to analyses from market experts
  • Carry out you own detailed analysis before making a trade
  • Know when to lock in your profits and to cut your losses
  • Be patient and dedicated
  • Don’t let your emotions overwhelm your common sense

An example

Consider the following situation:
  • A trader opens an EXNESS and deposits $1,000
  • They work 22 days in a month
  • They make a daily return of 1.5% on their initial investment
  • This is 33% per month – or $333
  • Their annual profit is approximately $4,000 – a 400% return
This may not be representative of your own trading performance. You may make more or less, depending on your skills and the market conditions. Don’t forget that by increasing your capital and leverage, you can increase your profits (while increasing your risk at the same time).

Look for opportunities

Experienced traders often make consistent profits. However, there are some situations where most traders make money. When you’re starting out, look for these opportunities; talk to other traders and identify obvious market trends. Your first profit is likely to come from this type of deal.

Manage your risk

Earning potential and actual earnings are not the same thing. As a forex trader, your earnings potential is unlimited, but how much you make depends on your ability. One key skill is knowing how to manage your risk:
  • Spread your investments across multiple deals
  • Do extensive analysis before opening a position
  • Don’t make too many high-risk trades
  • Set stop losses
  • Listen to experts – but make your own decisions
On the last point, keep in mind that experts have good track records, but they aren’t always right. If they were, they would be so rich that they wouldn’t be giving recommendations. Pay attention to experts, but verify what they are saying before you make a trading decision.

Develop your own strategy

Traders often share their strategies, and you can learn from these if they are successful. However, their strategies may not work for you. When you’re trading, there are a number of psychological factors that come into play, and these can affect your trading performance. It’s important that you develop a strategy that makes you feel comfortable, otherwise you’re likely to make mistakes.

Keep in mind the benefits

When you start out, it can take a while before you start making a profit. Don’t get discouraged and quit! If you do, you’ll lose the benefit of everything you have learned. Keep in mind the advantages of being a forex trader:
  • You can make your own decisions
  • You aren’t tied to an office
  • You choose when you want to work
  • Your earnings potential is unlimited
  • Forex trading is interesting and fulfilling
To discover your earnings potential, open EXNESS and start trading today!

เกี่ยวกับ Forex

เกี่ยวกับ Forex

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex


คำถามหนึ่งที่เรามักจะถูกถามอยู่บ่อยๆ ก็คือ “การซื้อขาย forex คืออะไร?” มีมานานเท่าไหร่? ตลาดใหญ่แค่ไหน? ใครคือผู้เล่นที่สำคัญ? อะไรทำให้อัตราสกุลเงินเปลี่ยนแปลงไป?
และนี่คำตอบเหล่านั้นของคุณ!

Forex คืออะไร?

Forex เป็นตลาดการค้าเสรีสกุลเงินระหว่างประเทศ ผู้ค้าสั่งซื้อสกุลเงินหนึ่งเพื่อแลกกับเงินสกุลเงินอื่น ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าอาจต้องการซื้อเงินยูโรและกับดอลลาร์สหรัฐและจะใช้บริการตลาด Forex ทำการแลกเปลี่ยน
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายกว่า $4 ล้านล้านเหรียญในแต่ละวัน จำนวนเงินซื้อขายในแต่ละสัปดาห์มีขนาดใหญ่กว่า GDP ทั้งปีของสหรัฐอเมริกา
สกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนคือเงินดอลลาร์สหรัฐ

Forex มีมานานแค่ไหน?

เมื่อโลกกำลังถูกฉีกตัวเองลงจากสงครามโลก ครั้งที่สองอย่างต่อเนื่อง ก็มีความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องความมั่นคงทางการเงิน ประเทศจาก 29 ประเทศจึงมาพบเจรจากันที่ Bretton Woods และตกลงกันในระบบเศรษฐกิจใหม่ สิ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกกำหนดขึ้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลง Bretton Woods และเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2492 อัตราแลกเปลี่ยนที่เกิน 1% ทั้งหมดจะต้องได้รับการอนุมัติจาก IMF ซึ่งมีผลทำให้อัตราแลกเปลี่ยนถูกกำหนดไว้อย่างตายตัว
ปลายปี พ.ศ. 2503 ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราคงที่เริ่มต้นสลายตัวลง สืบเนื่องมาจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มากมาย ท้ายสุดแล้วในปี พ.ศ. 2514 ประธานาธิบดีนิกสัน ระงับการผูกเงินดอลลาร์สหรัฐไว้กับทอง โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขการล่มสลายของเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ที่รู้จักกันว่า นิกสัน
ช็อค (Nixon shock) จนนำไปสู่​การเกิดตลาดระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราลอยตัวขึ้นในช่วงต้นปี พ.ศ. 2516 โดยปี พ.ศ. 2519 ทุกสกุลเงินหลักมีอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว

ใครเป็นผู้ซื้อขายในตลาด Forex?

มีผู้เล่นที่แตกต่างกันจำนวนมากในตลาด forex มีทั้งที่ซื้อขายเพื่อทำกำไร บางคนค้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง และบ้างก็เพียงต้องการซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้เล่นต่างๆ มีดังต่อไปนี้:
  • ธนาคารกลางของรัฐบาล
  • ธนาคารพาณิชย์
  • ธนาคารเพื่อการลงทุน
  • โบรกเกอร์และตัวแทนจำหน่าย
  • กองทุนบำเหน็จบำนาญ
  • บริษัทประกันภัย
  • องค์กรระหว่างประเทศ
  • บุคคลทั่วไป

ตลาด Forex เปิดทำการตอนไหน?

ต่างจากกับตลาดหุ้นที่มีการเปิดปิดตามเวลา ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมงทั้งห้าวันในสัปดาห์ ธนาคารต้องซื้อและขายสกุลเงินตลอด 24 ชั่วโมงและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจะต้องเปิดให้บริการ

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินคืออะไร?

เช่นเดียวกับตลาดทั่วๆ ไป ตลาด Forex ถูกขับเคลื่อนไปโดยอุปสงค์และอุปทาน:
  • หากผู้ซื้อมีมากกว่าผู้ขาย ราคาก็ขึ้น
  • หากผู้ขายมีมากกว่าผู้ซื้อ ราคาก็ลง
ปัจจัยต่อไปนี้สามารถมีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยน:
  • ผลการดำเนินการทางเศรษฐกิจของชาติ
  • นโยบายธนาคารกลาง
  • อัตราดอกเบี้ย
  • งบการค้าระหว่างประเทศ – การนำเข้าและการส่งออก
  • ปัจจัยทางการเมือง – เช่น การเลือกตั้งและการเปลยี่ นแปลงนโยบาย
  • ความเชื่อมั่นของตลาด – ความคาดหวังและข่าวลือ
  • สิ่งที่มองไม่เห็น – การก่อการร้ายและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แม้จะมีปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วโลกก็มีเสถียรภาพมากกว่าตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ และเป็นจำนวนเงินไม่มาก

ข้อดีของตลาด Forex คืออะไร?

ตลาด Forex มีข้อดีหลายประการ ดังต่อไปนี้:
  • เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว และจะยังคงเติบโตต่อไปอย่างรวดเร็ว
  • มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างกว้างขวาง – ทำให้ทุกคนสามารถใช้บริการได้
  • ผู้ค้าสามารถทำกำไรได้ทั้งจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ
  • ผู้ค้าสามารถลงคำสั่งซื้อระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในตลาดอื่นๆ
  • ตลาดจะไม่ได้ถูกใครควบคุมไว้
  • ค่านายหน้าซื้อขายต่ำมากหรือแทบจะไม่มีเลย
  • ตลาดจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวันธรรมดา
Forex4you ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมีให้กับนักลงทุนรายย่อยอย่างคุณ ลงทะเบียนในบัญชี Cent Account or Classic Account และเริ่มซื้อขายเสียในวันนี้!

Forex ทำกำไรได้อย่างไร

Forex ทำกำไรได้อย่างไร

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex

สวัสดีครับ หลังจากได้เรียนรู้ว่า Forex คือ อะไรในบทความที่ผ่านมาแล้ว มาบทนี้จะได้เรียนรู้ว่า **เราจะทำกำไร จาก Forex ได้อย่างไร **

           ข้อดีของ forex ที่ดีกว่าตลาดหุ้นก็คือ สามารถที่จะทำกำไร ได้ ทั้ง กราฟ ขึ้นและกราฟ ลง ไม่เหมือนกับ หุ้นที่ ต้อง ซื้อที่ ราคา ถูกและขายในราคาแพง ดังนั้นมันจึงมีโอกาศในการทำกำไรที่ มากว่า 1 ช่อง ทางแต่ ถ้า คุณผิด ทาง คุณก็ จะ เทรดเสีย เช่นเดียวกับ หุ้นได้ เหมือนกัน
           การทำกำไร จาก forex จะอธิบาย การเทรด forex ให้เข้าใจ ง่ายๆ ก่อน นะครับ Forex มี การ ซื้อขาย อยู่ 2 อย่าง คือ
 
          1.Buy หรือ long เมื่อ คุณคิดว่าแนวโน้มราคาจะเปลี่ยนแปลง จาก ราคา ปัจจุบัน เป็น บวก เช่น ราคา ปัจจุบัน คือ 5 ถ้า ราคา ต่อไป คือ 6 ก็ได้กำไร
             แต่ถ้าราคาตกมาอยู่ที่ 4 ก็ ขาดทุน
          2.Sell หรือ Short เมื่อ คุณคิดว่าแนวโน้มราคาจะเปลี่ยนแปลง จาก ราคา ปัจจุบัน เป็น ลบ เช่น ถ้าราคาปัจจุบันคือ 5 ถ้าราคาต่อไปคือ 4 ก็ได้กำไร
             แต่ถ้าราคาขึ้นมาอยู่ที่ 6 ก็ขาดทุน

    การเคลื่อนที่ ของกราฟ Forex
 

    กราฟ Forex จะเป็นการเคลื่อนที่ ของ อัตราแลกเปลี่ยนกับเวลา หรือ เวลาเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนก็ เปลี่ยนแปลง แทบจะทุกวินาที ของวันจันทร์-ศุกร์ เนื่องจาก มีการซื้อขาย แลกเปลี่ยนเงินตรากันอยู่ตลอด 24 ชม
   แกน X = คือเวลา
   แกน Y = อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละคู่เงิน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 05:16:58 PM โดย admin »


Test EA ระบบ ของ Admin Start 1500 $ Real Account


admin

  • Administrator
  • เทรดเดอร์ขั้น แมงเม่า
  • *****
  • กระทู้: 405
  • ค่านิยม +3/-0
    • ดูรายละเอียด
Re: เราจะเทรด Forex แล้ว เราจะได้กำไรได้อย่างไร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 28, 2013, 06:31:09 AM »
หลังจากรูป ตัว อย่างแล้ว น่าจะ พอเข้าใจ กราฟ บ้าง นะครับ ก็มี แกน X แกน Y แค่นั้น ครับ
เรามาศึกษา จากรูปกราฟ จริงๆ เลยดีกว่า ครับ จากรูป ผมได้ยกตัวอย่าง ของ EUR/USD ซึ่งเป็นคู่ที่ คนชอบเทรดกันมากที่สุดนะครับ
มาดูรูปแรกกันเลย



รูปนี้ เป็นรูปของกราฟ เปล่าๆ ก่อนที่ จะ ไปเข้าใจในการทำกำไรใน ภาพต่อไป นะครับ โดย รูปแรก มีคำอธิบายดังนี้

1.แท่งสีแดง คือ รูปแท่งเทียน ของกราฟ ใน ช่วงเวลา 15นาที ที่ กราฟ เปิด ราคาและ ปิด ราคา เมื่อ ครบ 15 นาที ถ้าแท่งสีแดง คือ ปิดลบ
2.แท่ง สีเขียว คือ รูปแท่งเทียน ของกราฟ ใน ช่วงเวลา 15นาที ที่ กราฟ เปิด ราคาและ ปิด ราคา เมื่อ ครบ 15 นาที ถ้าแท่งสีเขียวคือ ปิด บวก

จุดที่ เห็น 1 และ 2 จะได้อธิบาย ในรูป ต่อไป ครับ ซึ่งจะบอกถึงการทำกำไร และ การขาดทุน



จากรูป

จุดที่ 1 : ในกรณีที่ เรา Buy หรือ Long ณ จุดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป แท่งเทียนก็จะเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ตามเวลา เราจะได้กำไร
            ในกรณีที่ เรา Sell หรือ Short ณ จุดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป แท่งเทียนก็จะเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ตามเวลา เราจะขาดทุน

จุดที่ 2 :  ในกรณีที่ เรา Buy หรือ Long ณ จุดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป แท่งเทียนก็จะเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ตามเวลา เราจะได้ขาดทุน
             ในกรณีที่ เรา Sell หรือ Short ณ จุดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป แท่งเทียนก็จะเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ตามเวลาเราจะได้กำไร

เส้นประสีเหลือง นั้น คือผมแสดงให้เห็นว่า เวลากับ ราคาหรือ อัตราแลกเปลี่ยน นั้นสัมพันธ์กัน

และ อีกกรณี จากจุกที่ 1 ถ้าเรา ถือ Position การ Sell ณ จุดที่ 1 ไว้ ตอนแรก เรา จะ ลบอยู่ ครับ และ ถ้า เรา ถือไว้ ต่อไป เมื่อ เวลา ผ่านไป เลย จุดที่ 2  มาประมาณ 7 แท่งเทียน มา จะเห็นว่า ราคานั้น กลับมาบวก ให้เราได้ ครับ แต่ถ้าในกรณีที่เราปิด Position ก่อน เพื่อป้องกันการ Stop loss เราก็จะ ขาดทุนไป ครับ

และ อีกกรณี ณ จุดที่ 1 ถ้า เราเข้า Buy หรือ long ตอนแรก เรา บวกอยู่ แต่ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่่อ เลย จุดที่ 2 มา ประมาณ 7 แท่งเทียน จะเห็นว่า ตอนนี้ เรากลับมา ลบ ครับ แต่ถ้า เรา ปิด Position ณ จุดที่ 2 เลย นี่ เราก็จะได้กำไร

เอาล่ะ ครับ น่าจะพอเข้าใจการ ทำกำไร หรือ การขาด ทุน ใน forex กันแล้ว นะครับ
โดย สรุปแล้ว Forex เป็นการลงทุนที่ เวลา มี ส่วน สำคัญมาก ในการ ทำกำไร หรือ ขาดทุน แต่สิ่ง ที่สำคุญที่สุด
ของการเทรด Forex ก็ คือ

เราจะ ปิด ทำกำไร หรือ Take profit ตอนไหน จะเหมาะ สมที่สุด และ เราจะ ปิดขาดทุน  Stop loss ตอนไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด
ซึ่งท่านจะได้ ศึกษากันในบทต่อๆ ไปครับ

เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?

เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex




จากบทความที่แล้ว เราได้ทราบถึงเรื่อง ของ "Leverage คืออะไร?" ไปแล้ว เราก็มาต่อกันที่บทความที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?"

ในการที่เราจะเริ่มต้นการเทรด Forex อันดับแรก สิ่งที่คุณควรจะมีคือ

* คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ ซัก 1 เครื่อง
* internet connection - ควรจะเป็นแบบไฮสปีดนะครับ
* โต๊ะคอมฯ และเก้าอี้นั่งสบายๆ
* ตัวเรา อ่ะ! อันนี้แน่นอน เพราะเราต้องทำการเทรดเองนี่นา
* ทุน เริ่มต้นที่ 0 บาท ครับ ไม่ผิด 0 บาท เพราะหากยังไม่คุ้นเคย ผมแนะนำให้ทดลองเล่น demo account ไปก่อน อย่างน้อยๆ 3 เดือน โบรกเกอร์ที่ผมใช้อยู่ มี demo account และ virtual money ให้ทดลองเล่น ทุกอย่างคือของจริง ยกเว้น เล่น-ได้ เสีย ก็ไม่ ได้-เสีย เงิน จริงๆ เพราะเป็นเงินปลอมทดลองเล่น และที่สำคัญ โบรกนี้ ยังมี real money หรือเงินจริง เป็นทุนให้เราด้วย ที่ $5 ครับ
* ทำใจสบายๆ แล้วทำเงินกันเลย


จากนั้นครับ สิ่งที่เราจะเริ่มต้นทดลองเทรดได้ จะต้องเริ่มจาก

สมัครเทรดกับโบรกเกอร์กันก่อน

ให้สมัครทิ้งไว้ก่อนนะครับ แล้วโหลดโปรแกรมมาเตรียมไว้ ยังไม่ต้องห่วงครับว่าจะใช้ยังไง เทรดยังไง จะค่อยๆแนะนำไปนะครับ


สำหรับผู้เริ่มต้นผมแนะนำว่า ควรสมัครที่ โบรกเกอร์ EXNESS  ก่อนครับ เนื่องจากเป็นโบรกเกอร์ที่ทำธุรกรรมเรื่องการเพิ่มหรือถอนเงินได้สะดวกรวดเร็วดีครับ

สำหรับขั้นตอนการสมัคตามนี้เลยครับ

สมัค Exness

ขั้นตอนการสมัครเปิดบัญชีซื้อขาย (เทรด forex) กับ EXNESS

1. คลิกที่ลิงค์สมัครด้านล่าง สมัครต่อจาก Admin เพื่อรับโบนัสคืนเงิน Rebate สูงสุดถึง 60% ต่อบัญชี


เปิดบัญชีเทรด Forex Exness เปิดบัญชีทันที

 

2. คลิกเปิดบัญชีการซื้อขาย ตามรูปภาพประกอบ


3. เลือกเปิดบัญชีเทรด Forex ขอแนะนำ 2 แบบคือ แบบ Cent (ไม่มีโบนัสการฝาก) และ Mini (มีโบนัสการฝากทุกครั้ง) ตามรูปภาพประกอบ


4. กรอกรายละเอียดต่างๆ ต้องเป็นข้อมูลจริง ตามรูปภาพและคำบรรยาย


5. ใส่รหัสตัวอักษรเพื่อยืนยันการเปิดบัญชีเทรด Forex ที่ได้จากอีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ ตามรูปภาพประกอบ


6. เลือกตั้งค่าความปลอดภัยให้กับบัญชีเทรด Forex ของเรา ใช้สำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ ในการฝาก - ถอนเงิน เข้าสู่บัญชีเทรด Forex แนะนำให้เลือก แบบที่ 2 ความปลอดภัยปานกลาง เพราะรหัสทุกรหัสที่ Exness จะถูกส่งเข้าเบอร์โทรศัพท์ตามเบอร์ที่เรากรอกไว้ตอนสมัครเปิดบัญชี


7. สร้างรหัสผ่านเพื่อใช้ในการเข้าสู่ MT4 ในการเทรด Forex


8. เลือกรับโบนัสพิเศษสำหรับเฉพาะผู้เปิดบัญชีเทรด Forex แบบ Mini เท่านั้น


9. เป็นอันเสร็จสิ้นการเปิดบัญชีเทรด ซื้อขาย Forex กับ Exness สำเร็จ


10. Exness จะส่งข้อมูลเอกสารจำนวน 2 ฉบับเข้าสู่อีเมล์ของเรา ตามภาพประกอบด้านล่าง




มีทุนน้อยแล้วจะลงทุนใน Forex อย่างไร? Leverage คืออะไร?

Leverage คืออะไร?


จำได้มั๊ยครับว่าจากบทความที่แล้ว จากที่เราสั่งซื้อด้วยเงินเพียง $1 ของเราเอง กำไรมันน้อยนิดมาก ขนาด +50 จุดยังทำเงินได้ 17 สตางค์เอง หากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว มีทุนไม่พอแน่ ทำไงดี ตรงนี้แหล่ะครับที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการ เทรด Forex อย่างไร เรามาดูกัน

Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)

นั่นหมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10%

และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท

หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์

ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ครับ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน

ลอง คิดดูเล่นๆู ล่ะกันครับ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5

เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ)

ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด

ที่ EXNESS (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เองครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา

Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ

Forex คืออะไร? Forex คืออะไร? พบคำตอบได้ที่นี่!


ยินดีต้อนรับเข้าสู่สังคมการเทรด Forex


สวัสดีทุกๆ ท่านนะครับ
หวังจะรวยและทำเงินกับ Forex Trading ก่อนอื่นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Forex คืออะไร

หลาย ท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Forex มาบ้าง ผิดบ้างถูกบ้าง บางคนคิดว่าเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง ทั้งที่เค้าเล่นกันทั่วโลก ที่เป็นแบบนี้เนื่องมาจาก ในเมืองไทยเรายังไม่มีแหล่งที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange บางครั้งเรียกย่อว่า FX คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาด Forex ก็คือ ตลาดทุนแบบหนึ่งคล้ายกับตลาดหุ้นบ้านเรา แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ถ้าให้ถูกต้องเรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้

สิ่งที่ซื้อ-ขายกันใน ตลาดนี้คือค่าเงิน โดยซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงินนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เงินสกุลยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ (EUR/USD) หรือ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น (USD/JPY) เป็นต้น

ในตลาด Forex แต่ละวัน มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 1.9 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ มากกว่าทุกตลาดทางการเงินในโลกนี้รวมกันเสียอีก

ตลาด Forex ที่ใหญ่ๆ อยู่ที่ นิวยอร์ค ลอนดอน ญี่ปุ่น รวมถึงที่ ออสเตรเลีย และยุโรป เวลาทำการหรือเวลาเปิดปิดในแต่ละพื้นที่ก็จะไม่ตรงกัน และจะคาบเกี่ยวกันอยู่ ทำให้ผู้เทรดจากทั่วโลก สามารถเข้าตลาดตั้งแต่ ตี 4 ของวันจันทร์ จนถึงตี 4 ของวันเสาร์เลยทีเดียว เรียกว่าแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้

แรกเริ่มเดิมที ตลาด Forex นี้จะเล่นกันในกลุ่มพวกขาใหญ่ เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มกองทุน ผู้นำเข้า และส่งออก จนพักหลังเริ่มมีการเทรดทางอินเตอร์เน็ตเข้ามา และมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการสำหรับนักลงทุนรายย่อย และมือใหม่ให้สามารถเริ่มต้น้ลงทุนในตลาด Forex ด้วยเงินเพียง $1 - $500 เท่านั้น ทำให้ีการลงทุนในตลาดการเงินแห่งนี้ แพร่หลายไปทั่วโลก

สรุปข้อดีและน่าสนใจของตลาด Forex

1. ใช้เงินลงทุนต่ำ ต่ำสุดเพียง $1 หรือประมาณ 34 บาท
2. ตลาด online และดำเนินการทุกอย่างผ่าน Internet ตลอด 24 ชั่วโมง
3. คำสั่งซื้อ-ขาย เป็นระบบอัตโนมัติ ไม่มีคนกลาง ไม่่พลาดทุกคำสั่งซื้อ-ขาย
4. สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
5. ค่าดำเนินการต่ำ โบรกเกอร์เก็บค่า spreed ตั้งแต่ 1 - 20 pips ต่อเทรด ขึ้นอยู่กับคู่ของค่าเงินที่เทรด
6. มีเงินปลอมให้ทดลองเทรดได้เสมือนจริง บนระบบจริง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะพอเข้าใจ ในตลาด Forex กันมากขึ้นนะครับ

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การใช้เส้นค่าเฉลี่ย หรือ Moving Average

การใช้เส้นค่าเฉลี่ย หรือ Moving Average

แนะนำวิธีการใช้เส้นค่าเฉลี่ย หรือ Moving Average
นับ เป็นเครื่องมือสำคัญ เครื่องมือหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยมีส่วนช่วยในการมองเห็นถึงแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น รวมถึงจุดที่เปลี่ยนแนวโน้ม เพื่อเป็นสัญญาณซื้อขาย รวมถึงแนวรับแนวต้าน ของราคาหุ้นในช่วงเวลาต่างๆ

ซึ่ง กลยุทธ์การลงทุนนั้น จะกำหนดเส้นค่าเฉลี่ย ในจำนวนวันที่แตกต่าง กัน ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการลงทุนของแต่ละบุคคล หรือรอบการเคลื่อนที่ของหุ้นตัวนั้น ว่าการกำหนดด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเท่าใด ที่น่าจะได้ผลตอบแทนสูงที่สุด
โดยเส้นค่าเฉลี่ยที่ใช้กันทั่วไปมีตั้งแต่
  5   วัน   (1 สัปดาห์)  ใช้สำหรับการลงทุนระยะสั้น
10   วัน  (2 สัปดาห์)   ใช้สำหรับการลงทุนระยะสั้น
25   วัน  (ประมาณ1 เดือน) ใช้สำหรับการลงทุนระยะค่อนข้างปานกลาง
75   วัน  (ประมาณ1 ไตรมาส) ใช้สำหรับการลงทุนระยะกลาง
200 วัน  (ประเมาณ 1 ปี)  ใช้สำหรับการลงทุนระยะยาว

ซึ่งจำนวนวันเหล่านี้จะเป็นตัวบอกถึงราคาต้นทุนเฉลี่ยของคนที่ถือหุ้นมาแล้วในช่วงระยะเวลา แตกต่างกันเช่น
ปัจจุบัน ราคาหุ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25วัน ดังนั้นจึงบอกได้ว่า มีคนที่ถือหุ้นในช่วง 25วันที่ผ่านมา หรือนักลงทุนระยะกลางที่ยอมถือหุ้นนานกว่า 1 เดือน มีต้นทุนต่ำกว่า ราคาปัจจุบัน  ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้ ยังมองว่าหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นตราบที่ราคาหุ้นยังยืน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25วัน

ดังนั้นการหาสัญญาณ ซื้อหรือขายหุ้นจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่


สัญญาณซื้อ คือ Buy ^

  • เมื่อราคาเคลื่อนขึ้น และทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยตามช่วงระยะเวลาต่างๆ เช่น  5วัน, 10 วัน
  • เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
     เรียกว่า (Golden cross)
สัญญาณขายคือ Sell v

  • เมื่อราคาเคลื่อนลงและทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยตามฤฤฉช่วงระยะเวลาต่างๆ เช่น  5วัน, 10 วัน
  •  เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว
        เรียกว่า (Dead cross)

       ดังในภาพจะเห็นว่า ดัชนี SET index ปรับตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย  5 วัน (สีเขียว) 10วัน(สีแดง) และ 25วันสีฟ้า นับแต่ต้นเดือนเมษายน หรือ (4/2 จากตารางกราฟ) ซึ่งจะเห็นว่าเกิดแรงขายจากนักลงทุนระยะสั้น บางครั้งเมื่อหุ้นต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ย 5วัน แต่เมื่อราคาถึงเส้นค่าเฉลี่ย 10วัน หุ้นจะสามารถเด้ง กลับได้หาก นักลงทุนระยะ 10วันยังมองว่า หุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอยู่ ดังนั้นเมื่อถึงระดับดังกล่าว จะมีแรงซื้อ ซ้ำเพราะราคาหุ้นยังถูกอยู่กว่าราคาในอนาคต    ส่วน นักลงทุนระยะกลาง เช่น 25วัน จะยังคงถือหุ้น ตราบที่ SET index ไม่หลุด 730 จุด ดังที่เห็นในกราฟเป็นต้น
   ซึ่งตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่าบางครั้ง การซื้อขายระยะสั้น ตามสัญญาณ 5 วัน และ 10วันอาจให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการถือระยะยาวเป็นรอบ จากการดูเส้นค่าเฉลี่ยที่ยาวขึ้น แต่อย่างไร เส้นค่าเฉลี่ย ไม่มีกำหนดตายตัวว่า ค่าไหนดีที่สุด ขึ้นอยู่กับนิสัยหุ้นตัว นั้น สภาวะตลาดโดยรวม
    ดังนั้นกลยุทธ์การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาการถือครองหุ้น ซึ่งจะเป็นตัวเลือกด้วยการใช้เส้นค่าเฉลี่ยจาก จำนวนวันที่ต่างๆกัน แต่ ความแม่นยำ นั้นอาจขึ้นจากนิสัยของหุ้นตัวนั้น หรือ ผู้ที่ลงทุนในหุ้นตัวนั้นส่วนมาก เขาใช้เส้นค่าเฉลี่ยเท่าไหร และแบบใด
    ส่วนจุดอ่อนของการใช้เส้นค่าเฉลี่ย อาจเกิดขึ้นได้ หากหุ้นในช่วงนั้น เป็นลักษณะ Side way หรือแกว่งตัวในกรอบนานๆ อาจจะทำให้เส้นพันไป มา จึงเกิดทั้งสัญญาณหลอก ให้ ซื้อขาย ได้บ่อย  ก็ได้ ดังนั้น เส้นค่าเฉลี่ยนั้นจะเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ในช่วงตลาดที่ มี Trend หรือแนวโน้ม
 ประเภทของเส้นค่าเฉลี่ย
ประเภท ของเส้นค่าเฉลี่ย มีด้วยกันหลายแบบ ซึ่ง ผู้ลงทุนอาจจะใช้ราคา เปิด หรือ ราคาปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด หรือ ราคาเฉลี่ย มาเป็นตัวกำหนด สำหรับ การหาค่าเฉลี่ยก็ได้ ซึ่ง ส่วนใหญ่ที่ เราใช้อยู่ทั่วไป จะนำราคาปิดของหุ้นในแต่แท่งเทียน มาเป็นข้อมูลสำหรับการคำนวนค่าเฉลี่ย ดังเช่น

การหาเส้นค่าเฉลี่ย แบบธรรมดา (SMA, Simple Moving Average)
เส้นค่าเฉลี่ยแบบธรรมดา มาจากการหาค่าเฉลี่ยราคาหุ้น ในช่วงเวลาที่กำหนด เป็น N วัน
SMA คำนวณมาจาก
SMAt = 1/N(Pt+..........+Pt-N+1)
โดย P = ราคา
       T = วัน t
       N = จำนวนวันในค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

 

ส่วนการหาเส้นค่าเฉลี่ย แบบ EMA (Exponential Moving Average)
   นั้นเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยการให้ความสำคัญกับค่าตัวหนึ่งที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา และถ่วงน้ำหนักให้ค่าสุดท้ายมีความสำคัญเพิ่มขึ้น

 ซึ่ง วิธีนี้เป็นการพยายามแก้ไขข้อ บกพร่องที่เกิดขึ้นจากวิธี SMA กล่าวคือ EMA นั้น จะถ่วงน้ำหนักโดยให้ความสำคัญกับวันสุดท้ายมากที่สุด และจะเอาค่าทุก ๆ ค่ามาหาค่าเฉลี่ย โดยจะไม่ทิ้งข้อมูลเก่าที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ค่าทุกค่าสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของราคา
หลักการคำนวนคือ ขณะ ที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัวอื่น ๆ ให้ความสำคัญต่อคาบเวลา แต่ EMA จะให้ความสำคัญกับค่าตัวหนึ่งที่เรียกว่า SMOOTHING FACTOR (SF) หรือ SMOOTHING CONSTANT  โดยที่ SF = 2/(n+1) ซึ่งวิธีการสร้าง EMA มีสูตรการคำนวณคือ
 EMA   =   EMAt-1 + SF(Pt - EMAt-1)
 เมื่อ EMAt  คือ  ค่าของ Exponential Moving Average ณ เวลาปัจจุบัน
 EMAt-1   คือ  ค่าของ Exponential Moving Average ณ คาบเวลาก่อนหน้า
 SF  คือ  ค่าของ Smoothing Factor = 2/(n+1)
 Pt  คือ  ราคาปัจจุบัน
 n คือ  จำนวนวัน

*  หมายเหตุ : การคำนวณค่าเฉลี่ยของวันแรก จะใช้ราคาในวันแรกนั้นเป็น EMA
    ซึ่งทั้ง EMA และ SMA นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็จะเลือกใช้แบบใด แบบหนึ่ง จากทั้งสองแบบนี้ เพียงแต่ อาจจะขึ้นอยู่กับวิธีการวิเคราะห์
•     โดยการวิเคราะห์ แบบ SMA นั้นจะเห็นได้การเคลื่อนที่ของเส้นค่าเฉลี่ย มักจะช้ากว่า EMA ซึ่งการหาสัญญาณ ซื้อขายจากการตัดของเส้น EMA จะแม่นยำกว่า

•      ส่วนการวิเคราะห์แนวรับแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ยนั้น SMA จะดีกว่า เนื่องจากเป็นการคำนวน ฐานต้นทุนของนักลงทุนที่แท้จริง จึงทำให้บ่อยครั้ง เป็นแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

•     ส่วนหุ้นบางตัวนั้น อาจจะวิเคราะห์ด้วย EMA ดีกว่า SMA หรือ SMA ดีกว่า EMA นั้นขึ้นอยู่กับ ผู้เล่นหุ้นส่วนใหญ่ของตัวนั้น จะใช้ เส้นอะไร ดู เพราะจากมุมมองที่เหมือนกัน จึง ทำให้เกิดสัญญาณ ที่เหมือนกัน จนเป็น ความแม่นยำที่เกิดขึ้นก็เป็นได้